SACIT เร่งส่งเสริมหัตถกรรมไทย สู่เวทีโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้

SACIT ผนึกกำลังดันงานหัตถกรรมไทย สู่สายตากว่าพันล้านคนทั่วโลก
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) เดินหน้าภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนและส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคสมัยใหม่ ภายใต้การนำของ นายอนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการ SACIT โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนาหัตถกรรมไทยให้มีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการในตลาดโลก
บทบาทสำคัญของ SACIT: อนุรักษ์ สืบสาน และพัฒนา
SACIT มีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทยกับตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการ:
- การอนุรักษ์: สนับสนุนและส่งเสริมการอนุรักษ์เทคนิคและวิธีการผลิตงานหัตถกรรมไทยแบบดั้งเดิม เพื่อให้งานหัตถกรรมไทยยังคงเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรม
- การสืบสาน: ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจและเรียนรู้การผลิตงานหัตถกรรมไทย เพื่อให้งานหัตถกรรมไทยสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้ในอนาคต
- การพัฒนา: สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมไทยให้มีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทย
SACIT มุ่งมั่นที่จะสร้างโอกาสให้แก่ผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทย โดยการ:
- จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย: จัดงานแสดงสินค้า งานออกร้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ เพื่อให้ผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทยสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนให้แก่ผู้บริโภคได้โดยตรง
- พัฒนาช่องทางการตลาด: พัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทยสามารถเข้าถึงตลาดได้ง่ายขึ้น
- ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์: ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมแหล่งผลิตงานหัตถกรรมไทย และซื้อผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมไทย
เป้าหมาย: สร้างรายได้และส่งเสริมภาพลักษณ์ไทย
SACIT ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยส่งเสริมให้งานหัตถกรรมไทยเป็นที่รู้จักและเป็นที่ต้องการในตลาดโลก ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตงานหัตถกรรมไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีศิลปะและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์
อนาคตของหัตถกรรมไทย: สู่เวทีโลก
SACIT เชื่อมั่นว่างานหัตถกรรมไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระดับสากล หากได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง SACIT พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและส่งเสริมให้งานหัตถกรรมไทยก้าวสู่เวทีโลกได้อย่างภาคภูมิใจ