วิกฤตข้ามแดน! สธ. เร่งเดินหน้าดูแลสุขภาพจิตประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชา ป้องกันการทำร้ายตัวเอง
สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของประชาชนอย่างรุนแรง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยข้อมูลที่น่ากังวลว่า มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 1,603 ราย ประสบกับภาวะเครียดสูง และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะฆ่าตัวตายถึง 231 ราย
จากสถานการณ์ดังกล่าว สธ. จึงเร่งเดินหน้าวางระบบการดูแลสุขภาพจิตอย่างเข้มข้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตเวช โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเกิดการทำร้ายตนเอง
มาตรการสำคัญที่ สธ. กำลังดำเนินการ ได้แก่
- การคัดกรองและประเมินสุขภาพจิต: จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์และนักจิตวิทยา เข้าทำการคัดกรองและประเมินสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถระบุกลุ่มเสี่ยงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
- การให้คำปรึกษาและบำบัดทางจิตใจ: จัดทีมที่ปรึกษาและนักบำบัดทางจิตใจ ให้บริการให้คำปรึกษาและบำบัดแก่ผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ทั้งแบบรายบุคคลและแบบกลุ่ม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน: สนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพจิตของสมาชิก โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิต การสร้างเครือข่ายสนับสนุนทางสังคม และการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตแก่ประชาชน
- การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ: ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อบูรณาการทรัพยากรและบริการด้านสุขภาพจิตให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ สธ. ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตในสังคม โดยการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิต การลดความ stigmatization เกี่ยวกับโรคทางจิตเวช และการส่งเสริมให้ประชาชนกล้าที่จะขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาทางสุขภาพจิต
พล.ต.อ. สุเจน สัขพืช ผู้ทรงคุณวุฒิ สธ. กล่าวว่า “เราตระหนักถึงความท้าทายในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ แต่เรามุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ต้องการได้อย่างเต็มที่ เราขอให้ประชาชนทุกคนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของตนเองและคนรอบข้าง และขอให้ร่วมมือกันสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของทุกคน”
การดูแลสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเครียด สธ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบทางสุขภาพจิตที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ชายแดน และช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย