สถานการณ์ชายแดนน่าเป็นห่วง! สส. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยข้อมูลสำคัญหลังลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนในชายแดน พบว่าปัญหาด้านสุขภาพจิตเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยมีจำนวนผู้ต้องการความช่วยเหลือสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

จากการลงพื้นที่ของ สส. ภท. พบว่าประชาชนในพื้นที่ชายแดนหลายรายกำลังเผชิญกับความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนในอนาคต และความขัดแย้งทางสังคม

“เราพบว่าความต้องการด้านสุขภาพจิตในพื้นที่ชายแดนนั้นสูงมาก และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก หากไม่มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน” สส. ภท. กล่าว “เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดสรรงบประมาณและทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่”

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สร้างกำลังใจให้ผู้ประสบภัย

สส. ภท. ยังกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ที่ร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยชี้ให้เห็นว่าความสามัคคีและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย เป็นกำลังใจสำคัญในการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ

“แม้ว่าขณะนี้ยังมีบางพื้นที่ที่ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม แต่เรามั่นใจว่าด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เราจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้กลับมามีชีวิตความเป็นปกติสุขได้” สส. ภท. กล่าวเสริม

การดูแลสุขภาพจิต: ความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ไข

ปัญหาด้านสุขภาพจิตในพื้นที่ชายแดน ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง รัฐบาลและทุกภาคส่วนจึงควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและดูแลสุขภาพจิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน

การรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต และการลด stigma ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิต เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนสามารถเข้าถึงการดูแลที่เหมาะสม และสามารถจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพ