วิกฤตความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา! นักวิชาการชี้รัฐต้องเร่งปรับกลยุทธ์สื่อสารเชิงรุก

สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการสื่อสารของรัฐบาลว่ายังไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ล่าสุด นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ออกมาให้ความเห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบันเข้าข่าย “วิกฤต” อย่างแท้จริง และรัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับการสื่อสารเป็นการสื่อสารในภาวะวิกฤตอย่างเร่งด่วน

ทำไมสถานการณ์ถึงเข้าข่ายวิกฤต?

ความตึงเครียดชายแดนที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเฉพาะพื้นที่ แต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาชาวโลก ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งหากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปโดยไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม

รัฐบาลควรปรับกลยุทธ์สื่อสารอย่างไร?

นักวิชาการแนะนำว่า รัฐบาลควร:

• กำหนดตัว Spokesperson ที่ชัดเจน: ควรมีผู้รับผิดชอบหลักในการสื่อสารเรื่องสถานการณ์ชายแดน เพื่อให้ข้อมูลมีความเป็นเอกภาพและน่าเชื่อถือ
• สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา: หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดที่กำกวม หรือสร้างความเข้าใจผิด ควรนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและโปร่งใส
• เน้นการสื่อสารเชิงรุก: ไม่ใช่แค่ตอบโต้ข่าวสาร แต่ต้องมีการออกข้อมูลเชิงรุก เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนและสื่อมวลชน
• ใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย: นอกจากแถลงข่าวแล้ว ควรใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐ และสื่ออื่นๆ เพื่อเข้าถึงประชาชนได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
• รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน: เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งประชาชน นักวิชาการ และสื่อมวลชน ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาปรับปรุงการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ความท้าทายในการสื่อสาร

การสื่อสารในภาวะวิกฤตไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การจัดการกับข้อมูลเท็จ ข่าวลือ และการบิดเบือนข้อมูลที่แพร่กระจายในโลกออนไลน์ การรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่ารัฐบาลสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นวิกฤตที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง การปรับกลยุทธ์การสื่อสารเชิงรุกและมีประสิทธิภาพ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้าใจ ลดความวิตกกังวล และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและชาวโลก