BAM ผนึกกำลัง ฟื้นฟูหนี้ NPL 8 แสนล้านบาท สร้างโอกาสใหม่ให้ผู้เสียหลักทรัพย์

สถานการณ์หนี้เสีย (Non-Performing Loan – NPL) ในประเทศไทยยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตามอง โดยล่าสุดมีมูลค่าสูงถึง 8 แสนล้านบาท แต่ธนาคารเพื่อส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (BAM) ยังคงเดินหน้าอย่างมั่นคงในการเป็น “แก้มลิงแห่งชาติ” ด้วยภารกิจสำคัญในการฟื้นฟูและบริหารจัดการหนี้เสียเหล่านี้ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้และส่งเสริมระบบเศรษฐกิจไทยให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

เทคโนโลยีและประนอมหนี้: กลยุทธ์หลักของ BAM

BAM ไม่ได้ใช้วิธีการแบบเดิมๆ ในการจัดการหนี้เสีย แต่เลือกที่จะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ ควบคู่ไปกับการเจรจาประนอมหนี้แบบยืดหยุ่น เพื่อให้ลูกหนี้สามารถกลับมาผ่อนชำระหนี้ได้ตามแผนที่ตกลงกันไว้ ซึ่งครอบคลุมทั้งการปรับโครงสร้างหนี้ การลดดอกเบี้ย และการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ

พลิกฟื้นชีวิตผู้เสียหลักทรัพย์

BAM ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกหนี้เป็นอันดับแรก โดยมุ่งเน้นการทำความเข้าใจปัญหาและความต้องการของแต่ละราย เพื่อให้สามารถออกแบบแผนการฟื้นฟูที่เหมาะสมและยั่งยืน นอกจากนี้ BAM ยังให้คำปรึกษาและสนับสนุนด้านการเงินแก่ลูกหนี้ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างมั่นคง

ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย

การฟื้นฟูหนี้ NPL ของ BAM ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกหนี้กลับมามีชีวิตความเป็นปกติสุข แต่ยังส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอีกด้วย เมื่อลูกหนี้สามารถกลับมาผ่อนชำระหนี้ได้ตามปกติ จะช่วยลดภาระของสถาบันการเงิน และเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากยังช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตอย่างยั่งยืน

ความมุ่งมั่นของ BAM

BAM ยืนยันว่ามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการฟื้นฟูหนี้ NPL และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างระบบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

สรุป

การทำงานของ BAM ในการฟื้นฟูหนี้ NPL ถือเป็นบทบาทสำคัญในการช่วยเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม และความเข้าใจในปัญหาของลูกหนี้ BAM กำลังสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้เสียหลักทรัพย์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน